เพื่อน ๆ หลายคนคงจะรู้จักจำนวนเต็มบวกและจำนวนเต็มลบกันมาบ้างแล้ว แต่ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ได้มีเพียงการนับเลขเท่านั้น เพราะเรายังต้องใช้การบวกหรือลบจำนวนเต็มเหล่านี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัว อย่างการบวกลบค่าขนมแต่ละมื้อ ไปจนถึงการต่อยอดในบทเรียนวิชาอื่น ๆ
วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ค่าสัมบูรณ์’ และวิธีการบวกลบจำนวนเต็มกัน ถ้าเพื่อน ๆ พร้อมแล้ว เราไปเรียนรู้พร้อมตะลุยโจทย์กันเลยดีกว่า!
รู้จักค่าสัมบูรณ์ (Absolute Value)
ภาพแสดงค่าสัมบูรณ์ของ 6 และ -6 บนเส้นจำนวน (ขอบคุณภาพจาก mathsisfun.com)
ในบทเรียนออนไลน์เรื่องการบวกลบจำนวนเต็มนั้น เราจะได้ทำความรู้จักกับค่าสัมบูรณ์ (Absolute Value) ซึ่งหมายถึง ระยะห่างจาก 0 บนเส้นจำนวน โดยอาจจะเป็นระยะห่างไปทางซ้าย หรือระยะห่างไปทางขวาก็ได้ ซึ่งมีค่าเป็นบวกเสมอและแทนด้วยสัญลักษณ์บาร์ (bars) หรือ l - l จากภาพข้างต้น - 6 มีค่าสัมบูรณ์ หรือ I -6 I เท่ากับ 6 เพราะห่างจากศูนย์ (0) ไปทางซ้าย 6 หน่วย เช่นเดียวกับ 6 ที่มีค่าสัมบูรณ์ หรือ I 6 I เท่ากับ 6 เช่นกัน เพราะห่างจากศูนย์ (0) ไปทางขวา 6 หน่วย
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เราไปดูตัวอย่างอื่น ๆ กันเลยดีกว่า
- I 3 I = 3 หมายถึง 3 มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับ 3 (อยู่ห่างจาก 0 บนเส้นจำนวนไปทางขวา 3 หน่วย)
- I - 3 I = 3 หมายถึง -3 มีค่าสัมบูรณ์เท่ากับ 3 (อยู่ห่างจาก 0 บนเส้นจำนวนไปทางซ้าย 3 หน่วย)
- I -16 I = 16 , I 16 I = 16
- I217I = 217 , I-217I = 217
- I 9.56 I = 9.56 , I -9.56 I = 9.56
การบวกจำนวนเต็ม 2 รูปแบบ
สำหรับการบวกจำนวนเต็ม เราจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
- การบวกจำนวนเต็มชนิดเดียวกัน (เครื่องหมายเหมือนกัน) : นำค่าสัมบูรณ์มาบวกกัน ผลลัพธ์ยังใช้เครื่องหมายเหมือนเดิม เช่น
1.) 7 + 4 = ?
วิธีทำ ค่าสัมบูรณ์ของ 7 หรือ I 7 I = 7
ค่าสัมบูรณ์ของ 4 หรือ I 4 I = 4
จะได้ 7 + 4 = 11
ซึ่งข้อนี้คำตอบเป็นจำนวนเต็มบวกเหมือนเดิม ดังนั้น 7 + 4 = 11
2.) -4 + (-1) = ?วิธีทำ ค่าสัมบูรณ์ของ -4 หรือ I -4 I = 4
ค่าสัมบูรณ์ของ -1 หรือ I -1 I = 1
จะได้ 4 + 1 = 5
ซึ่งข้อนี้คำตอบเป็นจำนวนเต็มลบเหมือนเดิม ดังนั้น -4 + (-1) = -5
- การบวกจำนวนเต็มต่างชนิดกัน (เครื่องหมายต่างกัน): นำค่าสัมบูรณ์มาลบกัน โดยค่าที่มีมากกว่าเป็นตัวตั้ง ส่วนผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า (ตัวเลขที่มีค่ามากกว่า) เช่น
วิธีทำ ค่าสัมบูรณ์ของ -2 หรือ I -2 I = 2
ค่าสัมบูรณ์ของ 1 หรือ I 1 I = 1
จะได้ 2 - 1 = 1
ผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า คือ -2 ดังนั้น -2 + 1 = -1
2. 3 + (-6) = ?วิธีทำ ค่าสัมบูรณ์ของ 3 หรือ I 3 I = 3
ค่าสัมบูรณ์ของ -6 หรือ I -6 I = 6
จะได้ 6 - 3 = 3
ผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า คือ -6 ดังนั้น 3 + (-6) = -3
การลบจำนวนเต็ม
ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการลบจำนวนเต็มก็สามารถใช้หลักการเดียวกับการบวกได้เลย เพียงแต่เปลี่ยนเป็นการบวกด้วยจำนวนตรงข้ามของตัวลบ (เปลี่ยนเครื่องหมาย) ตัวอย่างเช่น
1. 4 - (3) = ?วิธีทำ 4-(3) เปลี่ยนเป็นการบวกจะได้ 4+(-3) => เครื่องหมายต่างกัน นำค่าสัมบูรณ์มาลบกัน
ค่าสัมบูรณ์ของ 4 หรือ I 4 I = 4
ค่าสัมบูรณ์ของ -3 หรือ I -3 I = 3
จะได้ 4 - 3 = 1
ผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า คือ 4 ดังนั้น 4 - (3) = 1
2. - 4 - (-3) = ?วิธีทำ -4-(-3) เปลี่ยนเป็นการบวกจะได้ -4+(3) => เครื่องหมายต่างกัน นำค่าสัมบูรณ์มาลบกัน
ค่าสัมบูรณ์ของ -4 หรือ I -4 I = 4
ค่าสัมบูรณ์ของ 3 หรือ I 3 I = 3
จะได้ 4 - 3 = 1
ผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า คือ -4 ดังนั้น - 4 - (-3) = -1
3. -1 - (4) = ?วิธีทำ -1-(4) เปลี่ยนเป็นการบวกจะได้ -1+(-4) => เครื่องหมายเหมือนกัน นำค่าสัมบูรณ์มาบวกกัน
ค่าสัมบูรณ์ของ -1 หรือ I -1 I = 1
ค่าสัมบูรณ์ของ -4 หรือ I -4 I = 4
จะได้ 4 + 1 = 5
ผลลัพธ์จะมีเครื่องหมายเหมือนเดิม คือ จำนวนเต็มลบ ดังนั้น -1 - (4) = -5
ก่อนจากกันเรามีข้อสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการทำโจทย์เรื่องนี้ นั่นก็คือ ถ้ามีวงเล็บแล้วเครื่องหมายนอกวงเล็บเหมือนกันจะกลายเป็นบวก (+) เช่น 4 - ( -1) = 4 + 1 = 5 แต่ถ้าต่างกันจะกลายเป็นลบ (-) เช่น -3 + ( -2 ) = 3 - 2 = 1
อ่านบทเรียนออนไลน์เรื่องการบวกลบจำนวนเต็มกันไปแล้ว ถ้าอยากทบทวนบทเรียนกันอีกครั้งก็สามารถโหลดแอปพลิเคชัน StartDee มาเรียนเสริมกันอีกที หรือจะเข้าไปเติมความรู้วิชาคณิตศาสตร์กันต่อกับเรื่องเส้นขนานและมุมภายใน หรือจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ ให้ความรู้แน่น ๆ พร้อมสอบกันได้เลย
Did you know ?
- คำว่า ‘สัมบูรณ์’ มีรากศัพท์เดียวกันกับคำว่า ‘สมบูรณ์’ ที่แปลว่า บริบูรณ์ ครบถ้วน เพียงแต่คำว่าสัมบูรณ์ เป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้ในแวดวงวิชาการบางสาขา
- ‘จำนวนเต็ม’ ต่างจาก ‘จำนวนนับ’ โดยจำนวนเต็ม หมายถึง จำนวนที่ไม่มีทศนิยมหรือเศษส่วน ได้แก่จำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มศูนย์ และจำนวนเต็มลบ ส่วนจำนวนนับ เริ่มตั้งแต่ 1 เป็นต้นไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่า จำนวนนับ เป็นอีกชื่อหนึ่งของจำนวนเต็มบวกนั่นเอง